เจาะลึกแนวโน้มราคาทองคำ: ทิศทางตลาดจากปัจจุบันสู่สิ้นปี 2568

Last updated: 5 ก.ย. 2568  |  173 จำนวนผู้เข้าชม  | 

เจาะลึกแนวโน้มราคาทองคำ: ทิศทางตลาดจากปัจจุบันสู่สิ้นปี 2568

กรุงเทพฯ, กันยายน 2568 – ราคาทองคำในประเทศพุ่งทะยานสร้างสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่องในเดือนกันยายน โดยล่าสุดสมาคมค้าทองคำประกาศราคาขายออกทองคำแท่งที่บาทละ 54,200 บาท ท่ามกลางกระแสความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยที่เพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก บทความนี้จะพาไปสำรวจแนวโน้มและปัจจัยสำคัญที่จะกำหนดทิศทางราคาทองคำนับจากวันนี้ไปจนถึงสิ้นปี 2568

สถานการณ์ปัจจุบัน ณ วันที่ 5 กันยายน 2568 ราคาทองคำในประเทศได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยราคาทองคำแท่งขายออกอยู่ที่บาทละ 54,200 บาท และทองรูปพรรณขายออกที่บาทละ 55,000 บาท ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการทะยานขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลก (Gold Spot) ที่เคลื่อนไหวอยู่บริเวณ 3,530 - 3,540 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ การปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงนี้เป็นการทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ หลังจากที่ราคาทองได้พักฐานในช่วงเดือนเมษายนถึงสิงหาคมที่ผ่านมา

 

ปัจจัยขับเคลื่อนราคาทองคำสู่สิ้นปี 2568
 

แนวโน้มราคาทองคำในช่วงที่เหลือของปียังคงมีทิศทางเป็นบวกอย่างชัดเจน โดยได้รับแรงหนุนจากปัจจัยสำคัญหลายประการ ดังนี้:

1. นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด): ตลาดการเงินคาดการณ์อย่างกว้างขวางว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมที่กำลังจะมาถึง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ การลดดอกเบี้ยจะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงโดยเปรียบเทียบ ซึ่งจะทำให้ราคาทองคำในสกุลเงินอื่นถูกลง และเพิ่มความน่าสนใจในการเข้าซื้อ

2. ความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย: สถานการณ์ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์โลกที่ยังคงมีอยู่, ความตึงเครียดทางการค้า และความกังวลต่อภาวะหนี้สาธารณะของหลายประเทศ ทำให้นักลงทุนและธนาคารกลางทั่วโลกหันมาถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งธนาคารกลางของจีนที่ยังคงเป็นผู้ซื้อสุทธิรายใหญ่

3. แรงซื้อจากธนาคารกลางทั่วโลก: รายงานจากสภาทองคำโลก (World Gold Council) ระบุว่า ธนาคารกลางทั่วโลกยังคงสถานะเป็นผู้ซื้อสุทธิ (Net Buyer) ในปี 2568 ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยพยุงและผลักดันราคาทองคำให้สูงขึ้น

4. แรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อ: แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อในบางประเทศจะชะลอตัวลง แต่ความกังวลต่อเงินเฟ้อในระดับโครงสร้างยังคงอยู่ ทำให้นักลงทุนยังคงมองว่าทองคำเป็นเครื่องมือสำคัญในการป้องกันความเสี่ยงจากมูลค่าของเงินที่ลดลง (Hedge against Inflation)

 

มุมมองและบทวิเคราะห์จากสถาบันการเงินชั้นนำ
 

บรรดานักวิเคราะห์จากสถาบันการเงินต่างๆ ได้ออกมาคาดการณ์ทิศทางราคาทองคำในช่วงสิ้นปี 2568 ไปในทิศทางเดียวกัน โดยมีเป้าหมายราคาที่แตกต่างกันไปเล็กน้อย:

J.P. Morgan: คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3,675 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2568
MTS Gold Group: ได้ปรับเป้าหมายราคาทองคำในตลาดโลกขึ้นเป็น 3,650 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
Goldman Sachs: ประเมินว่าราคาทองคำอาจไต่ระดับไปถึง 3,100 - 3,300 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ภายในสิ้นปี
ธนาคารอื่นๆ เช่น Bank of America, UBS, และ ANZ: ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะเคลื่อนไหวในกรอบ 3,500 - 3,600 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
โดยสรุป แม้ราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้นมาสูงมากแล้ว แต่แนวโน้มในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปี 2568 ยังคงแข็งแกร่ง ปัจจัยบวกจากแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด, ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก และแรงซื้อจากธนาคารกลาง จะยังคงเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญที่หนุนให้ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อไปได้อีก อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรติดตามข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญและสถานการณ์โลกอย่างใกล้ชิด เนื่องจากราคาทองคำอาจมีความผันผวนและปรับฐานในระยะสั้นได้เช่นกัน

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้